‘มานี่’ เป็นลูกแมวขาพิการที่ฉันพบเป็นครั้งแรกในเฟซบุ๊ค ข้อความและรูปที่แชร์ต่อกันมาจากกระทู้ในพันทิปพูดถึงลูกแมวที่โรงพยาบาลสัตว์ มันได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ขาหลังทั้งสองและสะโพก อาจจะจากรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ ถูกพามาส่งโรงพยาบาล หมอช่วยชีวิตมันไว้ แล้วมันก็ถูกทิ้งไว้ที่นั่น
ฉันในตอนนั้นก็ไม่เชิงมั่นใจว่าจะเลี้ยงมันได้ แต่ก็กำลังหาลูกแมวมาเลี้ยงเป็นเพื่อนหมาน่อยที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวทั้งวันเมื่อฉันออกมาทำงาน หวังจะให้มันเครียดน้อยลง ซนน้อยลง เล่นแรงๆ กับแขนขามือเท้าของฉันน้อยลง ได้เห็นหน้าตามานี่ในรูปแล้วก็รู้สึกเวทนาสงสาร อยากไปเห็นตัวเป็นๆ ถามหมอให้มั่นใจว่าชีวิตจากนี้ต่อไปของแมวตัวนี้จะเป็นอย่างไร
20 พฤศจิกายน 2553 ฉันไปโรงพยาบาลสัตว์กับเพื่อนชื่อโชคดี ผู้ตั้งใจจะไปทัดทานไม่ให้ฉันใจอ่อนตัดสินใจรับแมวตัวนี้มาเลี้ยงเพิ่มอีกโดยง่าย เพราะเขามองว่าการเลี้ยงแมวนั้นเป็นภาระ เลี้ยงแมวสองตัวย่อมมีภาระเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
แต่ปรากฏว่า เมื่อเขาถูกมานี่ซึ่งตอนนั้นมีชื่อที่หมอและผู้ช่วยตั้งให้ว่า ‘โชคดี’ เหมือนกัน จ้องแป๋วมาด้วยหน้าโง่ๆ ซื่อๆ แบ๊วๆ ของมัน ก็นึกเอ็นดูมันไปพร้อมกันฉัน จากนั้นเราเสียเวลาไม่นานเลยในการซักถามจนแน่ใจว่ามานี่ฉี่อึเองได้ และขาทั้งสองข้างของมันมีโอกาสหายดีกว่าสภาพในตอนนั้น จากการกระตุ้นด้วยไฟฟ้าและการบีบนวด
หมาน่อยต้อนรับน้องด้วยหน้าตาบูดบึ้งและเสียงฮึ่มฮั่ม ท่าทางงอนฉันอย่างเห็นได้ชัด เขาว่านั่นเป็นปฏิกิริยาสามัญของแมวเจ้าถิ่นกับแมวหน้าใหม่ ฉันตัดสินใจปล่อยให้สองตัวจัดการกับความสัมพันธ์ของมันเอง แค่คอยดูอยู่ห่างๆ ไม่พยายามโอ๋น้องให้พี่เห็น แล้วก็ตั้งชื่อใหม่ให้มันว่า มานี่ เพราะนึกสนุกกับคำ money และอยากเรียกให้มันวิ่ง มา(หาที่)นี่ ฉันอยากให้มันใช้ขาหลังให้ได้ สักข้างก็ยังดี
จะจากความเพียรในการนวดเฟ้นของฉัน ประสิทธิภาพของการกายภาพด้วยเครื่องมือกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้าของหมอ หรือเพราะมีหมาน่อยคอยไล่ให้วิ่งหนีก็ตาม ในที่สุด มานี่ก็มีขาที่ใช้กระโดดเพื่อเคลื่อนตัวไปข้างหน้า วิ่งหนีพี่ในตอนแรก และวิ่งไล่ี่พี่บ้าง ตอนที่สองพี่น้องเล่นไล่จับกัน พัฒนาการขึ้นจนสามารถกระโดดขึ้นโต๊ะเตี้ยๆ ได้ด้วย 3 ขากับอีกขาพิการที่เกร็งชี้ไปข้างหน้าของมัน
มานี่ทำให้ฉันประจักษ์ถึงความไร้เดียงสา ดวงตาของมันไม่เคยหม่นหมอง ชีวิตน้อยๆ ในร่างพิกลพิการไม่เคยทำท่าสิ้นหวังหดหู่ หรือรอความสมเพชเวทนา มันแค่ใช้ชีวิตของมันไป ในขอบเขตที่ร่างกายของมันทำได้ เวลาเห็นจิ้งจกเกาะบนผนัง มันจ้องอยู่นานแล้วกระโดดจากพื้นขึ้นหวังจะตะครุบให้ได้คาอุ้ง แต่มันก็โดดสูงได้เท่าที่มันทำได้ กระแทกกับผนังแล้วก็ตกลงมา แต่ก็ยังคงทำท่าจดๆ จ้องๆ เคืองแค้น มาดหมายจะจับจิ้งจกตัวนั้นให้ได้ต่อไป
ขาหลังข้างที่พิการอยู่ในท่าทางที่อาจะทำให้เกิดอันตรายได้เมื่อมันซนดูจะไม่น่าห่วงเท่ากับอาการที่เกิดขึ้นเมื่อตัวมานี่โตขึ้น คือท้องผูก กระดูกเชิงกรานที่เคยได้รับบาดเจ็บของมันดูจะมีรูปร่างที่บู้บี้ไม่สมบูรณ์ ทำให้การขับถ่ายอึของมันไม่อาจทำได้อย่างคล่องสบายนัก จึงต้องการความช่วยเหลือและดูแลเป็นพิเศษจากฉัน ทั้งในส่วนของการหาอาหารเส้นใยเยอะ ให้ยาช่วยระบาย และการให้น้ำมากเป็นพิเศษ เพื่อช่วยให้ก้อนอึไม่แข็งตัวจนผ่านออกมาไม่ได้ ไม่อย่างนั้น ฉันก็ต้องพามานี่ไปให้หมอช่วยเอาอึที่คั่งค้างอยู่ออก ซึ่งจัดเป็นเรื่องทรมานแมวและทรมานความรู้สึกคนเป็นที่สุด
กระนั้น มานี่น้อยก็ยังคงร่าเริง ทุกวันนี้มันเป็นฝ่ายวิ่งไล่หมาน่อยก่อน กลายเป็นแมวที่ส่งเสียงร้องโวยวายขณะที่ฉันเตรียมอาหารให้มัน (หมาน่อยที่เคยเป็นผู้ร้องโวยวายเสียเองตอนนี้นั่งนิ่ง รออย่างเงียบสนิท) กินข้าวของตัวเองแล้วถือสิทธิ์ไปและเล็มชามข้าวของหมาน่อย และไม่รู้มันตกลงกันยังไง ส่งเข้ากรงให้นอนตอนกลางคืนทีไร พี่หมาน่อยจะเป็นฝ่ายเลียเนื้อเลียตัวมานี่อย่างพิถีพิถัน สะอาดหมดจด ก่อนจะหลับไปโดยมีมานี่หนุนหรือไม่ก็ก่ายตัวหมาน่อยหลับไปเสมอ
ในยามที่แมวทรมานเพราะอึไม่ออก ฉันก็ทรมานใจไปพร้อมกันที่เห็นมันอึดอัด เคยถามมานี่ว่า น้องรอดมาได้เพื่ออะไร เพื่อจะมามีชีวิตอยู่อย่างทรมานอย่างนี้หรือ
มานี่ไม่ได้ตอบ มันได้แต่จ้องกลับมาด้วยตาแป๋วๆ บนหน้าโง่ๆ แล้วปากก็ร้องแง้วตามประสาแมวช่างพูด
บางที มันอาจจะรอดมาได้เพื่อที่จะให้กำลังใจกับฉันและหมาน่อยก็ได้
note: ในวันที่ฉันไปรับมานี่ เคยเล่าเรื่องของมันไว้ ตรงนี้่