Monthly Archives: มกราคม 2012

ค่าของเงิน

มาตรฐาน

ฉันชอบถ่ายรูป

ตั้งแต่เริ่มใช้สมาร์ทโฟนบนแพลตฟอร์มแอนดรอยด์ซึ่งมีแอพพลิเคชั่นสนุกๆ เกี่ยวกับการถ่ายรูปมากมายให้เราเลือกโหลดมาใช้ฟรีๆ ฉันก็ถ่ายรูปด้วยกล้องจากมือถือหนักขึ้น บางช่วงถึงกับถ่ายทุกวัน วันละสิบๆ รูป

ทั้งๆ ที่สเปคกล้องของมือถือเครื่องนี้ไม่ดีอะไรเลย แต่ฉันยังสามารถถ่ายรูปแมว ดอกไม้ใบหญ้า ท้องฟ้า ตึกราม เพื่อน อาหาร และสิ่งของ แล้วก็โพสแชร์เพื่อนๆ ในโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่างมีความสุข (โดยไม่ได้แคร์ว่าคนเห็นจะมีความสุขไปด้วยหรือไม่-อิอิ)

ใช้มาเกินปีครึ่ง มือถือเครื่องเดิมเริ่มแสดงออกถึงความเก่า สมองทำงานช้า หลายคราที่แฮงก์ ฉันจึงเริ่มมองหามือถือใหม่สำหรับมาถ่ายรูปให้สนุกยิ่งขึ้น

ไม่ต้องให้ใครมายุ ฉันก็อยากจะได้ iPhone 4S ที่มาพร้อมกล้องสเปคเทพ ซึ่งเครือข่ายโทรศัพท์ที่ฉันใช้อยู่ตั้งราคารุ่นต่ำสุดไว้ (สูง) ถึง 21,700 บาท

ราคาทำให้ลังเลอยู่บ้าง แต่ในคืนสุดท้ายก่อนงานโมบายเอ็กซ์โปจะเริ่มขึ้น ฉันตัดสินใจจะบอกกับตัวเองว่ามันคู่ควรกับฉัน เพราะฉันจะใช้คุ้มอย่างแน่นอน ที่สำคัญ ฉันมีเงินจ่าย

แต่ก่อนที่จะปิดทีวีและหลับไปนั้น ทีวีกำลังออกอากาศรายการหนึ่ง เล่าเรื่องเรียลิตี้ของคู่รักตาบอด ซึ่งรักและผูกพันกันมาก ฝ่ายชายจึงตัดสินใจพาผู้หญิงไปพบพ่อแม่ที่บ้าน ในวงกินข้าวพร้อมหน้านั้น แม่ฝ่ายชายเอ่ยปากถามถึงการทาบทามสู่ขอ

“แล้วทางโน้นเขาเรียกเท่าไหร่?” แม่ถามถึงสินสอด
“….” ฝ่ายชายเงียบ
“เรียกหมื่นห้าค่ะ” ฝ่ายหญิงเป็นผู้ตอบแทนอย่างอายๆ
“…งั้นผัดไปก่อนได้ไหม” แม่พูดเครียดๆ “ก็อย่างที่รู้ว่าน้ำท่วม ลำบาก เงินก็หายาก”

ฉันอึ้ง

ในวันที่ทองคำหนักหนึ่งบาทมีราคาแพงกว่าสองหมื่นบาท แพงพอๆ กับราคาสมาร์ทโฟนที่ฉันหมายตา คนคู่หนึ่งกลับต้องยืดวันเวลาที่จะได้ร่วมเรียงเคียงหมอน เพียงเพราะหาเงินให้ครบหมื่นห้าพันบาทไม่ได้ เงินหมื่นห้าพันบาทที่เอาไปแลกเป็นทองสินสอดได้ไม่เต็มสองสลึง

ค่าของเงินอยู่ที่ไหนกันแน่

แล้วฉันควรจะใช้เงินที่มีให้สมกับค่าที่แท้จริงของมันอย่างไรดี?

ตัดขากางเกงเองก็ได้

มาตรฐาน

ปัญหาหนึ่งของคนขาสั้นคือ กางเกงยีนส์ที่ซื้อมามักยาวเกินขาไปมาก ต้องตัด แต่ค่าตัดก็ออกจะหลายสิบ บางเจ้าเรียกเป็นร้อย สวยไม่สวยยังต้องลุ้นกันต่อ อย่ากระนั้นเลย ถ้าอยากได้กางเกงยีนส์ความยาวพอเหมาะกับขาในแบบของเราเอง ลงมือทำเองก็ได้

1. หาความยาวที่เหมาะสม

ง่ายมาก ถ้ามีคนช่วยก็สวมกางเกงตัวเจ้ากรรมนั่น ยืนตรง แยกขาเล็กน้อย แล้วให้เพื่อนช่วยมาร์กตำแหน่งที่ต้องการตัด (การก้มลงไปมาร์กเองอาจได้จุดที่สั้นไปไม่ก็ยาวไป) ถอดกางเกงแล้ววัดว่าจุดนั้นอยู่ห่างจากปลายขาเท่าไหร่ จากนั้นก็สร้างเส้นที่จะตัดขึ้นให้ขนานกับปลายขากางเกง แล้วก็มาจัดการกับขาอีกข้าง ในกรณีที่ไม่มีคนช่วยมาร์กมีเทคนิคง่ายๆ คือ นำกางเกงตัวที่มีความยาวเท่าที่เราชอบมาวางทาบลงไปบนยีนส์เจ้ากรรม จัดให้ตรงเป้ากา่งเกงทั้งสองตัววางทาบกันพอดี มือลูบไล่รอยยับไปจนปลายขาแล้วก็ขีดเครื่องหมายตรงจุดที่ต้องการจัด จากนั้นวัดความยาวจากปลายขาถึงจุดที่ทำเครื่องหมายไว้ สร้างเส้นที่จะตัดแบบเดียวกับเทคนิคแรกเลย

2. หาผ้ากุ๊น

ผ้ากุ๊นที่เราจะใช้นั้นไม่ยาวเลย ไม่จำเป็นต้องขี่ช้างจับตั๊กแตน แล่นไปซื้อผ้าเป็นเมตรๆ จากพาหุรัดมาตัด เสื้อเชิ้ตตัวเก่าที่ปกขาดแล้ว มีเนื้อผ้าชิ้นหลังกว้างพอจะใช้ แค่เราสร้างมุม 45 องศา (จำได้ใช่ไหม ครึ่งหนึ่งของฉากไง) กับเอวของเส้น วัดความกว้างจากเส้นแรกให้เท่ากับขอบของแถบกุ๊นตอนที่เสร็จแล้วx2 บวกเพิ่มเข้าไปอีก 1 ซม. ก็ใช้ได้ ….มึนหรอ งั้นเอางี้ ตัดผ้ากุ๊นกว้างนิ้วครึ่งมาเลย แต่กุ๊นเสร็จจะเหลืือความกว้างของแถบประมาณ 1 ซม. กว่าๆ นะจ๊ะ อาจจะน้อยไปสำหรับบางคนที่ต้องการแถบกว้าง-กว้าง ถ้าขี้เกียจตัดผ้ากุ๊นจะใช้แถบลูกไม้หรือริบบิ้นผ้ามาใช้ก็ได้เหมือนกันนะ

ลองเลียนรู้ไปแล้วกัน

3. ลงมือกุ๊น

เนื่องจากเราจะเพิ่มรายละเอียดของงานทำมือที่ด้านหน้าของงาน ดังนั้นจึงเริ่มด้วยการเย็บด้านในก่อน กลับตะเข็บกางเกง คว่ำผ้ากุ๊นด้านถูก หรือด้านที่ลายชัดกว่า ทาบลงไปตามแนวแล้วกลัดเข็มหมุด จุดเริ่มต้นของผ้ากุ๊นไม่ควรอยู่ตรงกลางขา แต่น่าจะอยู่ชิดๆ ตะเข็บข้างใดข้างหนึ่ง ตรงริมผ้า พับเข้ามาสักครึ่ง ซม. แล้วกลัด (ดูรูป) เมื่อทาบกลัด ทาบกลัดมาจนถึงริมผ้ากุ๊นตรงจุดเริ่มต้นก็ทาบเลยจุดนั้นไปหน่อยแล้วจึงตัดผ้ากุ๊นให้ได้เท่าที่ต้องการใช้

จากนั้นก็เย็บ เย็บให้เป็นแนวตรง ห่างจากริมผ้าเข้ามาราว 1 ซม. คนชำนาญก็เย็บเลย (อย่า่ลืมเอา free arm ออกซะก่อนจะเย็บง่ายขึ้น) ถ้าไม่ชำนาญจะขีดเส้นก่อนด้วยปากกาเขียนผ้าที่ลบได้ก็ไม่ใช่เรื่องผิดกติกา ถ้าใครไม่มีจักร อยากทำก็ทำได้ค่ะ ด้นถอยหลัง ลืมหรือยัง เย็บไปตามเส้นที่ขีดไว้นะจ๊ะ ช้าหน่อย แต่เพลิดเพลินดี และใช้ได้เหมือนกัน

เย็บเสร็จก็รีดซะหน่อย ตลบผ้ากุ๊นด้านถูกให้พลิกขึ้นมาแล้วรีด จากนั้นกลับตะเข็บกางเกงยีนส์ ตลบผ้ากุ๊นมาพับริมซ่อนเข้าข้างในให้ได้แถบความกว้างตามต้องการ แถบนี้ควรกว้างเท่าๆ กันทั้งสองขา ทำได้ไง? …มาร์กจุดด้วยปากกาหรือชอล์กก่อนก่อนนะจ๊ะ แล้วค่อยๆ ไล่พับไป กลัดเข็มหมุดไป เนา แล้วนำไปรีดอีกที ระวังอย่าให้ไหม้ไปเสียก่อนล่ะ

แล้วเราจะมาควิลท์กัน ถ้าการเนาเป็นแม่ การควิลท์ก็เหมือนลูก เพราะมันการเนาคือทิ่มขึ้นลง ห่างๆ ส่วนควิลท์คือการเนาถี่ๆ เล็กๆ เท่าๆ กันจนจบงาน เคล็ดลับในการทำให้สวยคือดึงด้ายให้ตึงอยู่เรื่อยๆ จนเกิดการรั้งน้อยๆ โชว์ฝีเข็มแบบเย็บมือ

ควิลท์เสร็จก็เสร็จ ดึงด้ายเนาออกก็พร้อมซิ่งแล้วค่ะท่าน

หมายเหตุ:
-ถ้ายีนส์ที่จะตัดขาเป็น Cotton 100% ซึ่งไม่ยืด ไม่ย้อย จะเย็บมือก็สวย เย็บจักรก็สวย
-กางเกงยีนส์เก่า หรือมือสองจะมีเนื้อนิ่มเป็นมิตรกับมือและจักรมากมากกว่ายีนส์ใหม่ อันนั้นถ้าต้องการตัดขาให้ได้งานเนี้ยบๆ แนะนำให้ส่งมืออาชีพค่ะ
-สำหรับการเลือกผ้ากุ๊น จะเลือกเป็นผ้า ลูกไม้ หรือริบบิ้นก็ตาม ควรเลือกแบบ ลาย และสีให้เข้ากับกางเกงยีนส์ของเรา อาจจะทดลองทาบและกลัดเข็มหมุดดูก่อนว่า’โดด’ ไหม ทำแล้วมีโอกาสจะได้ใส่บ่อยๆ ไหม ลงทุนติดแถบลูกไม้เสียอลังการ แต่ถ้าไม่กล้าใส่ก็จะเสียของทั้งยีนส์และลูกไม้ เสียเวลาเปล่า แต่ถ้าชอบให้ตัดกันเจ็บๆ ก็โอเคเลย กางเกงใครกางเกงมัน จะเปรี้ยว หวานหรือเท่ จัดได้ตามใจเจ้าของ
-กับยีนส์เก่าเก็บ (ที่ยังใส่ได้) ทรงตกสมัย ถ้ายังไม่อยากให้ใครต่อลองเอามาแต่งในแบบเดียวกันนี้ สำหรับใส่เล่นลำลองหรือใส่จริงจังอีกหน อย่าเก็บไว้ให้รกตู้

มานี่

มาตรฐาน

‘มานี่’ เป็นลูกแมวขาพิการที่ฉันพบเป็นครั้งแรกในเฟซบุ๊ค ข้อความและรูปที่แชร์ต่อกันมาจากกระทู้ในพันทิปพูดถึงลูกแมวที่โรงพยาบาลสัตว์ มันได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ขาหลังทั้งสองและสะโพก อาจจะจากรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ ถูกพามาส่งโรงพยาบาล หมอช่วยชีวิตมันไว้ แล้วมันก็ถูกทิ้งไว้ที่นั่น

ฉันในตอนนั้นก็ไม่เชิงมั่นใจว่าจะเลี้ยงมันได้ แต่ก็กำลังหาลูกแมวมาเลี้ยงเป็นเพื่อนหมาน่อยที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวทั้งวันเมื่อฉันออกมาทำงาน หวังจะให้มันเครียดน้อยลง ซนน้อยลง เล่นแรงๆ กับแขนขามือเท้าของฉันน้อยลง ได้เห็นหน้าตามานี่ในรูปแล้วก็รู้สึกเวทนาสงสาร อยากไปเห็นตัวเป็นๆ ถามหมอให้มั่นใจว่าชีวิตจากนี้ต่อไปของแมวตัวนี้จะเป็นอย่างไร

20 พฤศจิกายน 2553 ฉันไปโรงพยาบาลสัตว์กับเพื่อนชื่อโชคดี ผู้ตั้งใจจะไปทัดทานไม่ให้ฉันใจอ่อนตัดสินใจรับแมวตัวนี้มาเลี้ยงเพิ่มอีกโดยง่าย เพราะเขามองว่าการเลี้ยงแมวนั้นเป็นภาระ เลี้ยงแมวสองตัวย่อมมีภาระเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

แต่ปรากฏว่า เมื่อเขาถูกมานี่ซึ่งตอนนั้นมีชื่อที่หมอและผู้ช่วยตั้งให้ว่า ‘โชคดี’ เหมือนกัน จ้องแป๋วมาด้วยหน้าโง่ๆ ซื่อๆ แบ๊วๆ ของมัน ก็นึกเอ็นดูมันไปพร้อมกันฉัน จากนั้นเราเสียเวลาไม่นานเลยในการซักถามจนแน่ใจว่ามานี่ฉี่อึเองได้ และขาทั้งสองข้างของมันมีโอกาสหายดีกว่าสภาพในตอนนั้น จากการกระตุ้นด้วยไฟฟ้าและการบีบนวด

หมาน่อยต้อนรับน้องด้วยหน้าตาบูดบึ้งและเสียงฮึ่มฮั่ม ท่าทางงอนฉันอย่างเห็นได้ชัด เขาว่านั่นเป็นปฏิกิริยาสามัญของแมวเจ้าถิ่นกับแมวหน้าใหม่ ฉันตัดสินใจปล่อยให้สองตัวจัดการกับความสัมพันธ์ของมันเอง แค่คอยดูอยู่ห่างๆ ไม่พยายามโอ๋น้องให้พี่เห็น แล้วก็ตั้งชื่อใหม่ให้มันว่า มานี่ เพราะนึกสนุกกับคำ money และอยากเรียกให้มันวิ่ง มา(หาที่)นี่ ฉันอยากให้มันใช้ขาหลังให้ได้ สักข้างก็ยังดี

จะจากความเพียรในการนวดเฟ้นของฉัน ประสิทธิภาพของการกายภาพด้วยเครื่องมือกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้าของหมอ หรือเพราะมีหมาน่อยคอยไล่ให้วิ่งหนีก็ตาม ในที่สุด มานี่ก็มีขาที่ใช้กระโดดเพื่อเคลื่อนตัวไปข้างหน้า วิ่งหนีพี่ในตอนแรก และวิ่งไล่ี่พี่บ้าง ตอนที่สองพี่น้องเล่นไล่จับกัน พัฒนาการขึ้นจนสามารถกระโดดขึ้นโต๊ะเตี้ยๆ ได้ด้วย 3 ขากับอีกขาพิการที่เกร็งชี้ไปข้างหน้าของมัน

มานี่ทำให้ฉันประจักษ์ถึงความไร้เดียงสา ดวงตาของมันไม่เคยหม่นหมอง ชีวิตน้อยๆ ในร่างพิกลพิการไม่เคยทำท่าสิ้นหวังหดหู่ หรือรอความสมเพชเวทนา มันแค่ใช้ชีวิตของมันไป ในขอบเขตที่ร่างกายของมันทำได้ เวลาเห็นจิ้งจกเกาะบนผนัง มันจ้องอยู่นานแล้วกระโดดจากพื้นขึ้นหวังจะตะครุบให้ได้คาอุ้ง แต่มันก็โดดสูงได้เท่าที่มันทำได้ กระแทกกับผนังแล้วก็ตกลงมา แต่ก็ยังคงทำท่าจดๆ จ้องๆ เคืองแค้น มาดหมายจะจับจิ้งจกตัวนั้นให้ได้ต่อไป

ขาหลังข้างที่พิการอยู่ในท่าทางที่อาจะทำให้เกิดอันตรายได้เมื่อมันซนดูจะไม่น่าห่วงเท่ากับอาการที่เกิดขึ้นเมื่อตัวมานี่โตขึ้น คือท้องผูก กระดูกเชิงกรานที่เคยได้รับบาดเจ็บของมันดูจะมีรูปร่างที่บู้บี้ไม่สมบูรณ์ ทำให้การขับถ่ายอึของมันไม่อาจทำได้อย่างคล่องสบายนัก จึงต้องการความช่วยเหลือและดูแลเป็นพิเศษจากฉัน ทั้งในส่วนของการหาอาหารเส้นใยเยอะ ให้ยาช่วยระบาย และการให้น้ำมากเป็นพิเศษ เพื่อช่วยให้ก้อนอึไม่แข็งตัวจนผ่านออกมาไม่ได้ ไม่อย่างนั้น ฉันก็ต้องพามานี่ไปให้หมอช่วยเอาอึที่คั่งค้างอยู่ออก ซึ่งจัดเป็นเรื่องทรมานแมวและทรมานความรู้สึกคนเป็นที่สุด

กระนั้น มานี่น้อยก็ยังคงร่าเริง ทุกวันนี้มันเป็นฝ่ายวิ่งไล่หมาน่อยก่อน กลายเป็นแมวที่ส่งเสียงร้องโวยวายขณะที่ฉันเตรียมอาหารให้มัน (หมาน่อยที่เคยเป็นผู้ร้องโวยวายเสียเองตอนนี้นั่งนิ่ง รออย่างเงียบสนิท) กินข้าวของตัวเองแล้วถือสิทธิ์ไปและเล็มชามข้าวของหมาน่อย และไม่รู้มันตกลงกันยังไง ส่งเข้ากรงให้นอนตอนกลางคืนทีไร พี่หมาน่อยจะเป็นฝ่ายเลียเนื้อเลียตัวมานี่อย่างพิถีพิถัน สะอาดหมดจด ก่อนจะหลับไปโดยมีมานี่หนุนหรือไม่ก็ก่ายตัวหมาน่อยหลับไปเสมอ

ในยามที่แมวทรมานเพราะอึไม่ออก ฉันก็ทรมานใจไปพร้อมกันที่เห็นมันอึดอัด เคยถามมานี่ว่า น้องรอดมาได้เพื่ออะไร เพื่อจะมามีชีวิตอยู่อย่างทรมานอย่างนี้หรือ

มานี่ไม่ได้ตอบ มันได้แต่จ้องกลับมาด้วยตาแป๋วๆ บนหน้าโง่ๆ แล้วปากก็ร้องแง้วตามประสาแมวช่างพูด

บางที มันอาจจะรอดมาได้เพื่อที่จะให้กำลังใจกับฉันและหมาน่อยก็ได้

note: ในวันที่ฉันไปรับมานี่ เคยเล่าเรื่องของมันไว้ ตรงนี้่

หมาน่อย

มาตรฐาน

ก่อนจะถึงปลายเดือนมีนาคม 2553 ชีวิตฉันไม่ได้เป็นอย่างทุกวันนี้ ยังคงเป็นชีวิตที่ดำเนินไปตามความประสงค์ ความอยากได้ อยากมีของตัวเองเป็นหลัก อยากกินอะไร ไปไหน ไม่ไปไหน ทำอะไร ไม่ทำอะไร อยากติดอะไร หรือทิ้งอะไร ฉันทำได้ทั้งนั้น

จนกระทั่งได้ลูกแมวสีขาวแต้มดำมีจุดสีดำเหนือริมฝีปากด้านซ้ายวัยประมาณ 2 เดือนมาเลี้ยง ชีวิตแบบนั้นก็เริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อย จนไม่อาจกลับไปเป็นอย่างเดิมได้อีกแล้ว

ฉันเริ่มรีบกลับบ้านไปหาข้าวปลาอาหาร ไปเล่นเป็นเพื่อน ‘หมาน่อย’ ลูกแมวกินเก่งที่แรกมายังเหนียม เผลอเป็นหลบเข้าใต้ตู้ตลอด ฉันเริ่มวางแผนกับทุกเรื่อง การซื้อของไม่ได้เป็นเรื่องสนุกในการจับจ่ายอีกต่อไป แต่มันกลายเป็นความรอบคอบของการใช้เงินแลกสิ่งของจำเป็น ประตูบ้านต้องปิดอย่างถ้วนที่ อาหารและน้ำต้องเปลี่ยนใหม่ สะอาด มีพร้อมเสมอสำหรับแมวหิว นัดกับหมอเป็นนัดที่ลืมไม่ได้ ฉันไม่ค้างอ้างแรมที่ไหนถ้าไม่จำเป็น เหนือสิ่งอื่นใดฉันเข้านอนไวขึ้นเพราะต้องตื่นเช้า เพราะถ้าหมาน่อยตัดสินใจว่าเวลานี้คนควรตื่นได้แล้ว ฉันจะไม่มีทางนอนอุตุอีกต่อไป

ฉันไม่เคยเห็นพ่อแม่พี่น้องของมันและไม่รู้ว่ามันเกิดเมื่อไหร่ แต่อยากให้มันมีวันเกิดจะได้นับอายุกันได้ง่ายๆ จึงติ๊ต่างให้หมาน่อยเกิดวันเดียวกับลูกเพื่อน เพื่อนจะได้ช่วยนับอายุให้ ดังนั้นปลายเดือนนี้หมาน่อยซึ่งเปลี่ยนจากมุดเข้าใต้ตู้เป็นโดดขึ้นหลังตู้เย็นมานานแล้ว ก็จะอายุครบ 2 ขวบ

2 ปีที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วซึ่งคนและแมวได้ใช้ชีวิตร่วมกัน มีประสบการณ์ร่วมกันหลายอย่าง ทั้งสนุก สุข ทุกข์ และนอยด์ อาจจะเพราะช่วงแรกเกิดหมาน่อยถูกย้ายบ้านหลายหน หรือไม่ก็เพราะมันซึมซับนิสัยอ่อนไหว ขี้กังวล ปนหวาดระแวงจากฉัน มันเลยกลายเป็นแมวไร้มนุษย์สัมพันธ์ ไม่เคยเป็นฝ่ายทอดสะพานไมตรีให้คนแปลกหน้าก่อน แถมยังเกลียดสภาพแวดล้อมที่มีแต่สิ่งที่มันไม่ชินเป็นอย่างมาก แทบทุกครั้งที่ฉันพามันไปฝากเลี้ยงที่โรงพยาบาล มันจะจิตตกและพกโรคง่อยๆ ที่บางทีก็ไม่ง่อยติดตัวกลับมาด้วย

โรคพวกนี้มีตั้งแต่โดนยีสต์โจมตีจนเป็นตุ่มกลางหัว คันหูจากแบคทีเรีย ไปจนถึงหวัด ทั้งๆ ที่ฉีดวัคซีนไปแล้ว แต่หมาน่อยยังสามารถเป็นหวัด จามน้ำมูกน้ำตาไหลจนแมวน้องติดไปด้วย แต่อะไรก็ไม่เท่าตอนที่มันพลัดตกลงไปจากระเบียงชั้น 6 ไปแอ้กที่กันสาดชั้น 2 ไม่ตาย ไม่สาหัส แต่ก็ทำเอาฉันเกือบหัวใจวาย ตกลงมาใหม่ๆ มันเอาแต่หมอบนิ่ง ไม่ยอมยืน ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแผลเล็กๆ ที่ก้น ฉันเกือบจะไม่พามันไปหาหมอ เพราะเชื่อมั่นว่าแมวตกตึกไม่เป็นไร ดีที่วันนั้นแมวน้องมีนัดตรวจเลือด หอบกันไปถึงโรงพยาบาลแทบเป็นลมเมื่อหมอจับมันเข้าตู้ออกซิเจน และบอกให้ทิ้งไว้ดูอาการ ต้องเอ็กซ์เรย์ดูกระดูกและตรวจเลือด เช็กว่ามีเลือดออกในช่องท้องไหม โล่งใจหน่อยเมื่อหมอแจ้งว่ากระดูกสะโพกของหมาน่อยมีจุดที่แตกออกมาเป็นชิ้นเล็กๆ และเคลื่อนออกจากตำแหน่งที่ควรเป็นเล็กน้อย ตับไต และช่องท้องยังดูดี ส่วนแผลที่ก้น หมอไม่ได้เย็บ แค่โกนขน ทำแผลแล้วปิดไว้

ขนที่ถูกโกนเปิดเผยเนื้อก้นแทบทั้งก้นที่เขียวปั้ดเกือบดำของแมว มันคงเอาก้นลงกระแทกเพราะกะไม่ถูกว่าจะลงถึงพื้นเมื่อไหร่ (ก็มันไม่ได้กระโดดลงไปเอง ) น่อยรอดมาได้ด้วยโชคช่วย ส่วนฉันตอนนั้นแทบไม่รอด เพราะขณะที่ต้องจับแมวพี่ทำแผลที่ก้นทุกวัน ก็ต้องส่งแมวน้องไปทำหมันตามนัดด้วย ช่วงนั้นแมวสองตัวในบ้านใส่ลำโพงกันเลียแผลทั้งคู่ ตลก แต่หัวเราะไม่ค่อยออก

การเลี้ยงแมว 2 ตัวเป็นภาระไม่เบา (ถึงพวกมันจะไม่ต้องเข้าโรงเรียนก็เถอะ) แต่ถ้าถามมาว่าหากเลือกได้ยังจะเลี้ยงอยู่ไหม ฉันคงตอบว่าเลี้ยง ก็ตลอดเวลาที่ได้เลี้ยงพวกมันฉันมีความสุุข จากความรักที่อวลในใจ เป็นความรักของฉันที่มีให้มัน และความรักของมันที่มีต่อฉัน เป็นสุขที่อิ่มทนและนานกว่าสุขสมัยก่อน หลังจากอยากได้อะไรก็ไปหามา อยากไปไหนก็ไปมากมาย

เลี้ยงแมวตัวเดียวทำให้ฉันโตขึ้น เลี้ยงแมวสองตัวแทบทำให้ฉันกลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวเลยล่ะ

เริ่มต้นที่แมว

มาตรฐาน

ไม่รู้เพราะเติบโตมาในบ้านที่มีแม่นั่งจักรเย็บผ้า เย็บเสื้อกระโปรงนักเรียน ชุดนอน ผ้าม่าน และผ้าทุกอย่างในบ้านด้วยจักรซิงเกอร์หลังนั้น หรือเพราะเห็นกิจกรรมถักโครเชต์ถักนิตติ้งเป็นของใช้ของผู้ใหญ่ว่าเป็นเรื่องเก๋ จึงอยากทำเป็นบ้าง ที่ทำให้ฉันสนใจงานเย็บๆ ถักๆ มาตั้งแต่เล็ก

ความสนใจในเรื่องนี้อาจทำให้ฉันผู้มีพฤติกรรมปลีกตัว ไม่ชอบเล่นทั้งกับเด็กวัยเดียวกันและน้อง ชอบอยู่คนเดียว เล่นคนเดียว แถมยังเป็นคนช่างคิดฟุ้งๆ ฝันๆ เกิดค้นเอาเสื้อผ้าที่มีอยู่มาเลาะ มาเย็บ ติดกระดุม ทำให้ขาดแล้วปะไปใหม่ เอาผ้าสีขาวไปมัดแล้วย้้อม ขอบ้าง จิ๊กบ้าง เอาเศษผ้าของแม่มาทำเป็นกระเป๋าเอย ของใช้เอย สนุกนัวเนียอยู่คนเดียวมาตั้งแต่เด็กอีก

กิจกรรมสนุกกับจักรเย็บผ้า (ของแม่) หายไปตั้งแต่ฉันออกจากบ้านมาเรียนหนังสือที่บางกอก ระหว่างนี้ฉันเพลินกับการถักไหมพรมเป็นโน่นเป็นนี่บ้าง แต่ก็ทำไปตามแรงบันดาลใจวูบวาบ ไม่ได้มุมานะจริงจัง เนื่องจากธรรมชาติที่ไม่ได้เป็นคนขยันเคี่ยวเข็ญตัวเองเลย

จนเมื่อสองปีที่แล้ว เริ่มคิดว่าอิ่มแล้วกับงานบริษัท อยากทำงานอยู่ที่บ้าน ใช้ชีวิตช้าๆ มีควอลิตี้กับเขาบ้าง ก็เลยถามตัวเองว่ามีงานอะไรที่พอจะทำอยู่ที่บ้าน อย่างรัก อย่างสนุก และสร้างรายได้พอเลี้ยงตัวเองได้บ้าง ก่อนอื่นฉันก็นึกถึงงานเขียนที่ทำอยู่ แต่ก็นั่นแหละ นักเขียนเป็นอาชีพที่ไส้แห้งโดยแท้ ถ้าหวังจะยังชีพด้วยการเขียนอย่างเดียวน่าจะไม่พอกิน หมุนไปรอบตัวแล้วเลยคิดถึงการเย็บผ้า ทำของใช้จากผ้าด้วยมือ งานนี้ต้องสนุกแน่ เพราะฉันจะเลือกทำในแบบที่ชอบ ระบายระเบิดไอเดีย ความคิด และแนวทางของตัวเองลงไป ลูกค้าของฉันย่อมต้องเป็นคนที่ชอบสไตล์ของฉัน (โฮ่ โฮ่ โฮ่)

ก็เลยคิดจะซื้อจักร ซึ่งไม่ง่ายเลย เพราะโลกนี้มีจักรเย็บผ้ามากมาย แต่แบบไหนล่ะที่เหมาะกับเรา ฉันจดๆ จ้องๆ เมียงมองอยู่ปีหนึ่งได้ ก็เลือก Elna 2110 มาเป็นเพื่อน มาเป็นครู มาเรียนรู้ เพื่อที่จะค่อยๆ ก้าวไปในโลกที่เลือก

ฉันเริ่มไปเรียนเย็บกับบริการสอนที่บริษัทซึ่งขายจักรจัดให้ ด้วยการเลือกซื้อชุดคิตที่เขาตัดผ้ามาให้เสร็จสรรพ พร้อมด้วยวิธีการทำคร่าวๆ เอาไปเรียนรู้เทคนิคการเย็บประกอบร่างจากครูสาว (อายุน้อยกว่าฉันหลายปี) ที่บูธโชว์ของ โชว์งานฝีมือของจักรที่ฉันซื้อ ณ ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน

กระเป๋าแมวใบที่สอง

งานชิ้นแรกของฉันคือกระเป๋ารูปแมว ที่เลือกแมว ไม่ใช่แค่รักแมว แต่เพราะว่ากระเป๋าแบบนี้ใช้เทคนิคการเย็บขั้นพื้นฐาน ไม่พลิกแพลงผาดโผน แถมยังแทบไม่ได้ใช้จักร เย็บด้วยมือเกือบ 100% แมวตัวแรกของฉันเลยออกมาหน้าตาดูไม่จืด (แต่ฉันใช้ด้วยความรักจนทุกวันนี้) เจ้าตัวที่สองในรูปที่โชว์อยู่นี้นับว่าหน้าตาดีขึ้นมาก สวยขึ้นจากประสบการณ์ที่เพิ่มพูน แถมยังตั้งอกตั้งใจเย็บมากขึ้น

สำหรับชุดคิตเย็บสิ่งของที่โหมซื้อมามากมายในตอนลดราคานั้น ฉันคิดแล้วเห็นควรว่าถ้าทำเสร็จจริง ควรมอบให้กับเพื่อนพี่น้องที่ผูกสมัครรักใคร่กันเป็นพิเศษ ให้เป็นของแทนตัว เมื่อใดที่ใช้ ที่เห็น ก็จะได้นึกถึงมิตรไมตรีที่เรามีต่อกัน กระเป๋าใบนี้ฉันจึงมอบให้น้องสาวนอกไส้ไปใช้ ซึ่งเจ้าตัวก็ยังใช้อยู่เป็นประจำ

เห็นทีไรฉันก็ชื่นใจทุกที